โตโยต้าตั้งเป้าไฮลักซ์ เรโว 25,000 คันในไทย คาดเติบโตต่อเนื่อง

BANGKOK: บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้เปิดตัวรถกระบะยอดนิยมอย่าง ไฮลักซ์ เรโวไปเมื่อไม่นานมานี้ และการผลิตชุดแรกจากไทยนั้นได้ส่งออกไปยังทวีปอเมริกาใต้กว่า 2,700 คัน โดยทางบริษัทพร้อมพัฒนามาตรฐานรถปิ๊คอัพโดยคนไทย ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ตั้งเป้าขายได้กว่า 25,000 คันในไทย
ในวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้นทางบริษัทโตโยต้าได้มีพิธีส่งออกรถปิ๊คอัพโตโยต้า ไฮลักซ์ เรโว ใหม่ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรีโดยมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย มร.เคียวอิจิ ทานาดะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น / กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค มาร์เก็ตติ้ง แอนด์เซลส์ / กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง / กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ มร.ชินยะ โคเทระ เจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกลุ่มธุรกิจโตโยต้า หมายเลข 2 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ร่วมเป็นสักขีพยาน

ในในงานนั้นคุณ เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าทางโตโยต้า มีความมั่นใจในการส่งออกไฮลักซ์ใหม่นี้ไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยบริษัทจะทำการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าเพื่อยอดขายที่สูงขึ้นของบริษัท ให้ก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำตามตลาดกระบะของโลก

โดยความสำเร็จของโตโยต้านี้เป็นผลจากความมุ่งมั่นและทุ่มเทพัฒนา ไฮลักซ์ ในทุกด้าน เริ่มตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารการผลิตภายใต้ระบบการผลิตแบบโตโยต้า และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของชาวไทย เพื่อผลักดันให้รถกระบะไฮลักซ์ ใหม่ มีคุณภาพทัดเทียมกับรถในระดับสากลโดยทางโตโยต้าได้ลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดถึงกว่า 50,000 ล้านบาท สร้างงานให้กับคนไทยในกลุ่มโตโยต้าและยังการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากโตโยต้าประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่ประเทศไทย โดยทางรัฐบาลไทยได้สนับสนุนและให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และทักษะฝีมือแรงงาน ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นกลไลสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไป

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ดำเนินกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยมากว่า 50 ปี มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและส่งเสริมการลงทุนร่วมกับภาครัฐในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการไอเอ็มวีสามารถการสร้างงานให้กับคนไทยและสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมากมาย ด้วยมูลค่าการส่งออกที่สูงเป็นอันดับ 1 ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,258,000 ล้านบาท รวมกับมูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่อีกกว่า 596,000 ล้านบาท นำรายได้กลับสู่ประเทศไทยทั้งสิ้นกว่า 1,854,000 ล้านบาทส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเป็นอย่างมาก
นับจากนี้ลูกค้าทุกภูมิภาคทั่วโลกจะได้สัมผัสถึงความสมบูรณ์แบบของรถกระบะ ไฮลักซ์ ใหม่ที่ผลิตโดยคนไทย ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่ความภาคภูมิใจของโตโยต้าเท่านั้น แต่ยังเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคนเช่นกัน ทานาดะ กล่าวปิดท้าย

ในขณะที่นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดเผยว่า ในการผลิตรถในโครงการ ไอเอ็มวีอย่างไฮลักซ์รีโว่ ใช้วัสดุที่ผลิตในประเทศไทยกว่า97%และได้รับการยอมรับในการผลิตรถยนต์ระดับโลก เราได้เริ่มส่งออกโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ออกสู่ตลาดโลก ซึ่งในล็อตแรกจะเป็นกลุ่มโซนอเมริกาใต้ด้วยยอดส่งออกจำนวน 2,700 คัน โดยในปีนี้โตโยต้าได้มีการปรับเป้าโดยเน้นผลิตเพื่อการส่งออกถึง 60% จำหน่ายในประเทศเพียง 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่อยู่ในอัตรา 50:50 จากที่เน้นไปที่การส่งออกทำให้เราต้องรักษาระดับการผลิตรถยนต์ของโรงงานเราให้ได้ 100% เพื่อรักษาประสิทธิภาพการผลิต และต้นทุน แม้ตลาดในประเทศจะชะลอตัวมากก็ตาม

ส่วนจะปรับเพิ่มเป้าหมายการส่งออกในปีนี้จากที่ตั้งไว้ 3.9 แสนคันหรือไม่นั้นคงต้องประเมินร่วมกับตลาดในประเทศใหม่อีกครั้ง แม้ตลาดในประเทศจะชะลอตัว แต่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเดินหน้าว่างเป้าหมายการส่งออกปีนี้ไว้ที่ 1.2 ล้านคัน รวมชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8 แสนล้านบาท โดยโตโยต้ามีสัดส่วนประมาณ 40%
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ได้ดำเนินกิจการในประเทศไทยมาอย่างยาวนานมากว่า 50 ปี จนถือได้ว่าเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการส่งออกที่ทางบริษัทฯ ได้ริเริ่มโครงการไอเอ็มวีซึ่งเป็นโครงการผลิตและส่งออกรถกระบะ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ และเป็นผู้นำด้านการส่งออกในภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้แสดงความพร้อมในการสนับสนุนนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้น สร้างความแข็งแกร่งและยกระดับศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ของประเทศ รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนาคุณภาพจนเป็นที่ยอมรับในระดับสากลรัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน
ซึ่งสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น รัฐบาลไทยมีแผนแม่บทที่ชัดเจน เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์โลก ตลอดจนชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไป พร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในครึ่งแรกของปี 2558 นี้ ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศยังไม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากนัก แต่การส่งออกอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย มีทิศทางการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยังคงมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง ผมมั่นใจว่าความสำเร็จในการส่งออกตามโครงการ IMV ในครั้งนี้ จะเป็นปัจจัยด้านบวกต่อการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรมส่งออกของไทยโดยรวม ซึ่งย่อมจะส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจของไทย ในปีนี้ด้วย

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศในปีนี้อาจจะไม่ถึง 1 ล้านคันแน่นอน เรามองคล้ายเอกชนว่าจะอยู่ที่ประมาณ 8 แสนคัน ส่วนยอดส่งออกอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน รวมกันกับยอดขายภายในประเทศ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคัน การส่งอออกน่าจะอยู่ที่ 60 %จำหน่ายภายในประเทศอยู่ที่ 40 % คือตัวเลขที่ประมาณการไว้
สุดท้ายแหล่งข่าวกล่าวว่า หลังจากเปิดตัว ไฮลักซ์ รีโว่ใหม่ ไม่เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดยมียอดการจำหน่ายประมาณ 20,500 คัน และเริ่มทยอยส่งมอบรถให้ลูกค้าแล้ว และคาดว่ายอดขายไฮลักซ์ รีโว่จะขยับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อ