แลนด์โรเวอร์ ฟรีแลนเดอร์ 2

บทนำ

หากจะกล่าวถึงการเดินทางไกลกับครอบครัว หรือการขับขี่แบบออฟโรดแล้ว ชื่อของแลนด์โรเวอร์นั้นคงจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่จะทำให้การเดินทางนั้นเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ไร้ข้อกังวล โดยถ้าต้องการความหรูหราแบบรุ่นแลนด์โรเวอร์ ดิสโคเวอรี่ แต่ต้องการความแรงแบบดีเฟนเดอร์นั้น ทางแลนด์โรเวอร์ก็ได้ให้ตัวเลือกที่ลงตัวอย่างฟรีแลนเดอร์ 2 มาแล้ว โดยเปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อ 1989 และยังได้ผ่านการปรับปรุงมาแล้วถึงสี่ครั้งให้มีความหรูหรามากยิ่งขึ้น ฟรีแลนเดอร์นั้นถือเป็นรถครอสโอเวอร์ที่มีใช้ประโยชน์จากการมีตัวถังตอนเดียว ซึ่งต่างจาก SUV ทั่วไปที่สร้างบนพื้นฐานการออกแบบตัวถังบนโครงสร้าง และในรุ่นล่าสุดของฟรีแลนเดอร์นั้นได้รับการออกแบบใหม่ให้มีช่วงล่างที่เป็นสไตล์ออฟโรดมากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งใน SUV ของแลนด์โรเวอร์ที่เยี่ยมยอดอีกคันหนึ่งด้วย

เครื่องยนต์นั้นใช้เครื่องดีเซล TD4 ขนาด 2.2 ลิตร เกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ ให้กำลังสูงสุด ที่ 150 แรงม้าที่ 3500 รอบต่อนาที และแรงบิด 420 นิวตัน-เมตรที่ 1750 รอบต่อนาที และยังมีเครื่อง 2.2 ลิตรดีเซลอัตโนมัติที่ให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้าที่ 3500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตรที่ 1750 รอบต่อนาที และยังมีรุ่นเบนซิน 2.0 ลิตร Si4 กำลัง 240 แรงม้าที่ 5500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 340 นิวตัน-เมตรที่ 1750 รอบต่อนาทีด้วย

ฟรีแลนเดอร์นี้ได้ถูกพัฒนาประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงให้ดียิ่งขึ้น และลดการปล่อย CO2 อีกด้วย พวงมาลัยก็สามารถควบคุมเครื่องเสียง และการตกแต่งภายในที่ใช้สีที่ผสมผสานอย่างลงตัวก็ช่วยให้บรรยากาศในห้องโดยสารนั้นดีทีเดียว นอกจากนี้ยังมีไฟตัดหมอก สปอยเลอร์หลัง กระจังหน้าแบบมีสไตล์ และไฟหน้าซีนอนด้านหน้าที่ให้ความสว่างมากบนถนน นอกจากนี้ความปลอดภัยยังเต็มเปี่ยมด้วยหลายระบบเช่น Emergency Brake assist (EBA), Cornering Brake Control (CBC), Electronic Traction Control (ETC), Dynamic Stability Control (DSC), Trailer Stability Assist (TSA) และ Roll Stability Control (RSC) และยังอำนวยความสะดวกด้วยระบบนำทาง และกล้องมองด้านหลังช่วยในการจอดอีกด้วย

อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน

ฟรีแลนเดอร์นั้นมีโหมดซีเควนเชียลบูสต์ช่วยทำให้เครื่องยนต์กักอากาศไว้เผาไหม้ได้ดีขึ้น ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 11.36 กม./ลิตรซึ่งถือว่าอยู่ในระดับกลางในรถระดับนี้

เครื่องยนต์

เครื่องยนต์นั้นใช้เครื่องดีเซล TD4 ขนาด 2.2 ลิตร เกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ ให้กำลังสูงสุด ที่ 150 แรงม้าที่ 3500 รอบต่อนาที และแรงบิด 420 นิวตัน-เมตรที่ 1750 รอบต่อนาที และยังมีเครื่อง 2.2 ลิตรดีเซลอัตโนมัติที่ให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้าที่ 3500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตรที่ 1750 รอบต่อนาที และยังมีรุ่นเบนซิน 2.0 ลิตร Si4 กำลัง 240 แรงม้าที่ 5500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 340 นิวตัน-เมตรที่ 1750 รอบต่อนาทีด้วย

อัตราเร่ง

เครื่องยนต์ดีเซลใช้เวลาจาก 0-100 กม./ชม.ที่ 9.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม. และในเครื่องเบนซินนั้นใช้เวลา 8.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.

รูปลักษณ์ภายนอก

ฟรีแลนเดอร์นั้นได้รับการออกแบบให้เป็นทรงสปอร์ต หรูหราซึ่งเหมาะกับการเป็น SUV ครอสโอเวอร์นี้อย่างมาก กระจังหน้าโครเมี่ยมมีสัญลักษณ์ของแลนด์โรเวอร์อยู่ด้านหน้านั้นทำให้ดูดีแตกต่างจากรถอื่นๆ ไฟหน้าคู่ซีนอนนั้นให้ความสว่างมากและยังมี LED ร่วมด้วยช่วยส่องสว่างได้เป็นอย่างดี กันชนติดตัวกระจายแรง และท่อไอเสียสีโครเมียม ช่วยทำให้อากาศพลศาสตร์ของรถคันนี้ดีมาก และยังทำให้แรงเสียดทานอากาศต่ำอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีไฟตัดหมอกอยู่ที่กันชนเพิ่มทัศนวิสัยได้ดียามต้องไปในที่ๆ สภาพอากาศอาจจะไม่เป็นใจได้ หากต้องการแสงธรรมชาติด้านในรถก็มีซันรูฟด้านบนปรับไฟฟ้าได้ ด้านข้างของตัวรถนั้นถือว่าออกแบบได้แตกต่างอย่างดูดี ด้านหลังรถมีเทลเกต สปอยเลอร์ที่ทำให้ดูมีสไตล์ และยังมีประโยชน์ยามขับขี่ทางไกลอีกด้วย มิติตัวรถอยู่ที่ 4500x 2005 x 1740 มม.3 ถือว่าน่าประทับใจพอสมควรในรถครอสโอเวอร์ และฐานล้อยาว 2660 มม.ก็ทำให้มีพื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างนั่งสบาย

รูปลักษณ์ภายใน

ฟรีแลนเดอร์ 2 นั้น ถือว่ามีความหรูหราตามแบบแลนด์โรเวอร์ทั่วไป รวมทั้งมีความสะดวกสบายอุปกรณ์ต่างๆ ให้มาอย่างครบครันพร้อมลุยออฟโรด แผงควบคุมนั้นเป็นแบบดุดัน มีแสงไฟส่องสว่าง เบาะนั้นเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของความหรูหรา และความสปอร์ตของเบาหนังแท้วอลนัทเกรน อย่างไรก็ตามก็ยังมีอีกหลายสีให้เลือกไม่ว่าจะเป็นอีโบนี่วินเซอร์ ไอวอรี่วินเซอร์ และอัลมอนด์วินเซอร์ เบาะนั้นปรับด้วยไฟฟ้าได้หลายทิศทาง พวงมาลัยสี่ก้านที่มีให้ก็มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และครส คอนโทรลอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบปรับอากาศที่ควบคุมส่วนของผู้โดยสารได้อีกด้วย

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

ฟรีแลนเดอร์มีทั้งกระจกปรับไฟฟ้า ทั้งตอนหน้าและหลัง ระบบปรับอากาศพร้อมเครื่องฟอกอากาศ ที่เก็บของหลายที่ กระจกมองหลังที่ตัดแสงอัตโนมัติ และยังมีส่วนตรวจจับความชื้นเป็นมาตรฐานในฟรีแลนเดอร์ 2 ทุกรุ่น ฐานล้อที่ยาวทำให้ห้องโดยสารนั้นมีพื้นที่ที่มาก ทำให้การโดยสารเป็นไปอย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีระบบโทรศัพท์แฮนด์ฟรรี ระบบสั่งงานด้วยเสียง จอสัมผัส 7 นิ้วที่ส่วนกลาง และมีที่ชาร์จไฟ 12 V ให้ทั้งหน้า และหลัง ไฟส่องที่เท้า ฮีตเตอร์ และช่องเขี่ยบุหรี่ให้เป็นตัวเลือกในแต่ละรุ่นอีกด้วย ห้องโดยสาร และเก็บสัมภาระนั้นมีขนาดจุ 755 ลิตร และหากพับเบาะหลังจะเพิ่มเป็น 1670 ลิตร ที่น่าประทับใจคือช่วงขา ช่วงหัว ช่วงไหล่นั้นถือว่านั่งสบาย กว้าง ซึ่งเป็นอาณิสงค์มาจากฐานล้อที่ยาวนั่นเอง

เครื่องยนต์ และสมรรถนะ

เครื่องยนต์นั้นใช้เครื่องดีเซล TD4 ขนาด 2.2 ลิตร เกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ ให้กำลังสูงสุด ที่ 150 แรงม้าที่ 3500 รอบต่อนาที และแรงบิด 420 นิวตัน-เมตรที่ 1750 รอบต่อนาที และยังมีเครื่อง 2.2 ลิตรดีเซลอัตโนมัติที่ให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้าที่ 3500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตรที่ 1750 รอบต่อนาที และยังมีรุ่นเบนซิน 2.0 ลิตร Si4 กำลัง 240 แรงม้าที่ 5500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 340 นิวตัน-เมตรที่ 1750 รอบต่อนาทีด้วย นอกจากนี้ยังใช้เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และสามารถเลือกใช้เกียร์อัตโนมัติได้อีกด้วยหากลูกค้าต้องการ

ระบบเครื่องเสียง และอุปกรณ์อื่นๆ

ฟรีแลนเดอร์ 2 นั้นมีเครื่องเสียงที่ดีพร้อมกับลำโพง 11 ตัว แรงขับ 380 วัตต์ระบบเสียงเมอริเดียน ให้เสียงที่ไม่ธรรมดาเลยในห้องโดยสาร และยังมีจอภาพระบบสัมผัส 7 นิ้วที่มีระบบนำทาง และฮาร์ดดิสก์ 100 กิกะไบต์ ระบบสั่งงานด้วยเสียงอีกด้วย

ล้อ

รถครอสโอเวอร์รุ่นนี้ใช้ล้อ 19 นิ้ว 10 ก้านอัลลอยประกายโลหะที่มีตัวเลือกให้ใช้ประกายเพชรได้ ส่วนยางนั้นใช้ได้ตั้งแต่ขนาด 215/75 R16 ไปจนถึง 255/45 R20 ระบบเบรก การควบคุม

ในรุ่นดีเซลนั้นใช้ดิสก์เบรกแบบโซลิด และในรุ่นเบนซินใช้แบบดิสก์เบรกระบายอากาศ เบรกนั้นมีระบบ ABS, EBD และ BA ที่ทำให้เบรกได้มั่นใจได้ทุกสถานการ์ วงเลี้ยวรัศมีแคบ 11.3 เมตร และมีระบบตรวจจับพื้นผิวถนนสี่รูปแบบทั้งแบบทั่วไป หญ้า/ลูกรัง/หิมะ โคลน และภูเขา นี่ทำให้การควบคุมรถนั้นเป็นไปได้ดั่งใจในฟรีแลนเดอร์ 2

ระบบความปลอดภัย

ฟรีแลนเดอร์ 2 นี้เต็มไปด้วยความปลอดภัยที่มีหลายระบบที่ให้มาตั้งแต่โครงสร้างตัวถังเดี่ยวที่ใช้เหล็กล้า ความแข็งแรงสูง ถุงลมนิรภัย 8 จุดเช่นเดียวกับใน ดิสโคเวอรี่ นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยอีกหลายหลากเช่น emergency brake assist (EBA), Cornering Brake Control (CBC), Electronic Traction Control (ETC), Dynamic Stability Control (DSC), Trailer Stability Assist (TSA) และ Roll Stability Control (RSC) ที่จะช่วยลดความเสียหายในการเกิดอุบัติเหตุได้

ข้อดี

เครื่องยนต์ได้รับการปรับปรุงให้น่าประทับใจ
ห้องโดยสาร
สมรรถนะดี

ข้อเสีย

อัตราการสิ้นเปลือง
ช่วงล่างแข็งไปยามขับขี่ปกติ